ความงามของไม้ประดับ
จะมีมากขึ้นหรือลดลง ขึ้นอยู่กับสิลปะการตกแต่ง
ระหว่างต้นไม้กับสภาพแวดล้อมและสิ่งแรกเลยที่เรามองเห็นก็คือกระถาง
ซึ่งกระถางนั้น ก็มีหลายชนิด หลายรูปแบบ
แต่อย่างไรก็ตาม เราก็สามารถแบ่งกระถางออกได้เป็น 3 ประเภท
ตามวัตถุประสงค์ของการนำมาใช้งาน คือ
กระถางที่ใช้สำหรับปลูกต้นไม้โดยตรง
กระถางจำพวกนี้เน้นไปที่การหาง่าย
ใช้สะดวกซึ้งสามารถดัดแปลงมาจากวัสดุต่างๆ ภายในครอบครัว สิ่งของเหลือใช้ เช่น
หม้อ ไห ถังน้ำ กาละมัง ฯลฯ
ซึ่งแบบที่หนึ่งนี้ เราไม่ได้สนใจรูปร่างของกระถาง
แต่เราสนใจต้นไม้เท่านั้น
กระถางที่ใช้สำหรับตกแต่ง
กระถางแบบนี้ มักจะนำมาสวม หรือรองรับกระถางที่ปลูกต้นไม้อีกทีหนึ่ง
กระถภางแบบนี้ ผู้ผลิตจะมุ่งเน้นไปที่ความสวยงาม รูปทรง และเนื้อวัสดุ
เป็นสำคัญ ซึ่งอาจทำมาจากไม้ไผ่ หวาย อะลูมิเนียม พลาสติก กระเบื้อง
สแตนเลส เซรามิค ฯลฯ
กระถางที่ใช้สำหรับปลูกและตกแต่งพร้อมกัน
กระถางประเภทนี้ มักทำมาจากเซรามิค ดินเผา หรือพลาสติก
สามารถปลูกต้นไม้ลงไปในกระถางได้โดยตรง มีรูระบายน้ำออก
และมีถาดรับน้ำส่วนเกินรองอยู่
สำหรับลักษณะของกระถางที่เราเห็นกันอยู่ตามอาคารสถานที่ต่าง
ๆ เท่าที่พบ จะเห็นมีอยู่ 3 ประเภท คือ
1. กระถางตั้งพื้น (Standard pot) กระถางแบบนี้ จะมีความสูงเท่ากับความกว้างของปากกระถาง และมีหลายขนาด
ตั้งแต่ 1-16 นิ้ว
ใช้ในการปลูกต้นไม้ที่มีทรงสูง และมีระบบรากลึก เช่น พืชตระกูลปาล์ม และไทร
เป็นต้น
2. กระถางตั้งโต๊ะ (Pan) กระถางแบบนี้ จะมีความสูงแค่ 1/2 ของความกว้างของปากกระถาง มีขนาดต่าง ๆ
กัน ตั้งแต่ 5-16 นิ้ว
พืชที่นิยมปลูกกับกระถางพวกนี้ ได้แก่ ไม้ที่มีลักษณะเป็นพุ่มเตี้ย
และมีทรงพุ่มแผ่ขยายกว้าง เช่น พวกเปบเปอร์โรเมีย เป็นต้น
3. กระถางแขวน (Tub) กระถางชนิดนี้จะมีความสูง
เพียงแค่ 1 ใน 3 ของความกว้างของปากกระถางเทานั้น มีขนาดความกว้างตั้งแต่ 5 นิ้ว
ขึ้นไป
ส่วนมากจะเจาะรูเอาไว้ เพื่อแขวน ประมาณ 3-4 รู
ใช้ปลูกพืชที่มีระบบรากตื้นและมีการเจริญเติบโตรวดเร็ว ชอบเลื้อยเมื่อนำไปแขวน
ซึ่งจะทำให้เกิดการห้อยย้อย มองดูแล้วเกิดความสวยงาม
การที่ผู้ปลูกจะเลือกใช้กระถางดินเผา หรือกระถางพลาสติกนั้นก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของต้นไม้
และการใช้ประโยชน์
ทั้งนี้และทั้งนั้นผู้ปลูกควรใช้ดุลย์พินิจพิจารณาเอาเองตามความเหมาะสม
เพราะว่ากระถางดินเผา และกระถางพลาสติก ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
แตกต่างกันออกไป ดังนี้คือ
ข้อดีและข้อเสียของกระถางพลาสติก
ข้อดี
1. มีน้ำหนักเบา สะดวกต่อการโยกย้าย
และขนส่ง
2. ชำรุดเสียหายยาก
3. เก็บรักษา
และล้างทำความสะอาดได้ง่าย
4. เก็บความชื้นได้ดีกว่า
ไม่ต้องรดน้ำบ่อย
5. ไม่มีปัญหาเรื่องตะะไคร้น้ำ
ข้อเสีย
1. อากาษถ่ายเทได้ไม่สะดวก
เพราะกระถางทึบไม่มีรูพรุน
2. ถ้ารดน้ำมากเกินไป รากพืชอาจขาดออกซิเจน
และเน่าตายได้ เพราะน้ำขัง
3.ในฤดูร้อน
อุณหภูมิเครื่องปลูกจะสูงมาก โดยเฉพาะในกระถาง พลาสติกสีดำ
อาจถึงระดับเป็นอันตรายแก่ต้นไม้ได้
4. จะกรอบและแตกหักได้ง่าย
ถ้านำไปวางตากแดดไว้นาน ๆ
การแก้ปัญหาในกระถางพลาสติก
1.
ใช้เครื่องปลูกที่มีชิ้นส่วนขนาดใหญ่ และหยาบ เช่น พวกปุ๋ยหมัก แกลบผุ ๆ
เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกยิ่งขึ้น
2. เจาะรูก้นกระถางในกร๊น้ำขัง
โดยให้มีมากกว่า 1 รู ขนาดของรูก็ขึ้นอยู่กับขนาดของกระถางด้วย
แต่ไม่ควรให้มีขนาดเกินกว่า 1/2 นิ้ว
3. กรณีอุณหภูมิสูง ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้กระถางสีดำ
โดยหันไปใช้สีอื่นแทน ถ้าไม่เกี่ยงเรื่องราคา อาจใช้สีครีมก็ได้
(กระถางสีครีมจะมีคาคาแพงที่สุด
และสีอื่นก็จะรองลงไป ส่วนสีดำจะมีราคาถูกทีสุด
ข้อดีและข้อเสียของกระถางดินเผา
ข้อดี
1. การถ่ายเทอากาศดี เพราะมีรูพรุนรอบ
ๆ กระถางทำให้รากได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
2. ในฤดูร้อน
อุณหภูมิของเครืองปลูกไม่สูงเกินไป จนเป็นอันตรายต่อต้นไม้
3. ทำความสะอาดกระถาง โดยการอบไอน้ำ
และรมด้วยสารเคมีทุกชนิด ได้โดยไม่เสียรูปทรง
ข้อเสีย
1. น้ำหนักมาก แตกเสียหายได้ง่าย
2. การเก็บรักาาต้องใช้พื้นที่มาก
เพราะวางซ้อนกันได้ไม่สนิท
3. เมื่อปลูกไปนาน ๆ
จะมีตะไคร้น้ำจับเป็นสีเขียว ต้องเสียเวลาในการขัดถู
ขั้นตอนในการปลูกต้นไม้ในกระถาง
- ก่อนปลูกต้นไม้ลงในกระถาง
จะต้องเบือกกระถางให้มีขนาดพอเหมาะกับต้นไม้นั้น เมื่อได้กรถางมาแล้ว
ก็หากระเบื้องแตก ประมาณ 2-3 ชิ้น
วางปิดรูก้นกระถาง ทุบอิฐมอญเป็ฯก้อนเล็ก ๆ ใส่ลงกันกระถาง สูงขึ้นมา
ประมาณ 1 นิ้ว เพื่อช่วยในการระบายน้ำได้ดีขึ้น
- ผสมดินสำหรับปลูกต้นไม้ทั่วๆ ไปดังนี้ ดินร่วน 1 ส่วน ใบไม้ผุ 1 ส่วน
ปุ๋ยเทศบาล 1 ส่วน ใส่ลงไปประมาณครึ่งกาะถาง
เอาต้นไม้วางลงแล้วเอาดินที่ผสมแล้วใส่ลงไปเกือบเต็มกระถาง เหลือไว้ประมาณ
1 นิ้วแล้วกดดินให้แน่น เพื่อดไม่ให้ต้นไม้ล้ม
- รดน้ำให้ชุ่ม แล้วยกไปวางในที่ร่มหรือพักไว้ในเรือนต้นไม้
จนกว่าจะตั้งตัวได้ จึงยกออกไปวางเป็นไม้ประดับ ในการปลูกไม้ใบ
อาจปลูกรวมกันหลาย ๆ ชนิด ในกระถางเดียวกันก็ได้ โดยเลือกความสูง
สีและใบให้ต่างกันจะทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น
- ถ้าเป็นต้นไม้สำหรับตกแต่งอาคาร เช่น
นำมาปลูกไว้ภายในบ้านต้องเลือกกระถางที่สวยงามพอสมควร
หรือนำต้นไม้ที่ปลูกไว้ในกระถางแล้วมารวมลงในกระถางที่สวยงามนั้นก็ได้
แต่จะต้องมีจานรองรับน้ำเพื่อกันไม่ให้น้ำไหลออกมาภายนอกเมื่อรดน้ำ
- สำหรับต้นไม้ที่วางไว้ในอาคารบางชนิด ต้องมีการเปลี่ยนอยู่เสมอ กล่างคือ
เมื่อนำมาประดับไว้สัก 1-2 สัปดาห์
ก็จะต้องเปลี่ยนออกแล้วเอาต้นอื่นมาแทน เพื่อป้องกันมิให้ต้นไม้โทรมเร็ว
- เมื่อปลูกต้นไม้ไปนาน ๆ
รากก็จะขึ้นเต็มกระถาง ดังนั้นจึงควรมรการเปลี่ยนกระถางต้นไม้ทุกต้นอย่างน้อย ปีละ
1 ครั้ง
การเปลี่ยนกระถางต้นไม้
การเปลี่ยนกระถางต้นไม้
ไม่มีเทคนิคและขั้นตอนอะไรมากมายขั้งแรกคือ
จะต้องเตรียมกระถางใบใหม่อุดรูก้นกระถาง ด้วยเศษกระเบื้องแตก หรืออิฐมอญ
แล้วใส่ดินสูตรที่ต้นไม้ต้องการลวไปในกระถางขั้นต่อมาคือ
การย้ายต้นไม้ออกจากกระถางเก่า โดยจับต้นไม้ด้วยมือซ้ายหรือมือขวา
ข้างใดข้างหนึ่งที่ถนัดให้ต้นไม้อยู่ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลางแล้วใช้มืออีกข้างจับกระถางคว่ำลง
ใช้หัวแม่มือดันดินบริเวณรูก้นกระถาง เพื่อให้ต้นไม้และดินหลุดออกจากกระถาง
ถ้าถอดไม่ออก็นำกระถางต้นไม้นั้นไปแช่น้ำเสียก่อนเพื่อจะได้ถอดง่ายขึ้น
เมื่อถอดได้แล้วก็นำต้นไม้ พร้อมทั้งดินเก่าที่ติดมากํบรากไปปลูกในกระถางใหม่
เพื่อย้ายไปปลูกในกระถางใหม่เสร็จแล้ว ก็ต้องนำดินปลูกสูตรเดียวกันใส่เข้าไปรอบ ๆ
กระถาง กระทุ้งให้แน่นพอสมควร แล้วจึงรดน้ำตามอีกที
ในการย้ายหรือเปลี่ยนกระถางพืชที่มีหนามเช่นกระบองเพชรควรมรการระมัดระวังป้องกันโดยการใส่ถุงมือที่หนาและควรมีผ้าหรือกระดาษช่วยในการจับด้วย
ที่มา : http://www.maipradabonline.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น